วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

Burlesque : บาร์รัก เวทีร้อน (review)

Burlesque (review)

หรือ ชื่อไทยว่า บารัก โอบาม่า (โป๊ะตึ่ง!) เอ้ย.. บาร์รัก เวทีร้อน ก่อนอื่นต้องท้าวความถึงชื่อเรื่องกันก่อนว่า Burlesque คืออะไร ถ้าแปลตามพจนานุกรมแล้ว มีความหมายว่า การล้อ การแสดงล้อเลียน แถ้ถ้าแปลให้ดูมีความรู้มากไปกว่านี้อีกนิดนึง จากสารานุกรมเสรีแล้ว Burlesque คือ การสร้างความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ที่เน้นความตลกโปกฮาเป็นหลัก โดยการล้อเลียน หรือ เล่นอะไรที่เกินความเป็นจริง นั่นคือความหมายแรกของ Burlesque

ต่อมาในอเมริกาศตวรรษที่ 20 การรับรู้ของผู้คนเกี่ยวกับ Burlesque ได้เปลี่ยนไป โดยกลายเป็นการแสดงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับระบำเปลื้องผ้าเป็นหลัก ถึงแม้ว่าจุดกำเนิดของการแสดงเปลื้องผ้าจะอยู่ที่ Moulin Rouge ก็ตาม ชาวยุโรปจึงถือว่า Burlesque เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเปลื้องผ้าเท่านั้น แต่ไม่ใช่สำหรับชาวอเมริกัน ชาวอเมริกันพัฒนาการแสดงรูปแบบนี้จนมีลักษณะเฉพาะ ส่วนใหญ่ใช้นักแสดงที่เป็นผู้หญิง การแสดงมีโครงเรื่อง มีจุดเด่นของตัวละคร เสื้อผ้าที่ใช่จะต้องฉูดฉาด แสงที่เข้ากันกับการแสดง เพลงที่สื่ออารมณ์ รวมไปถึงทุกๆอย่างจะต้องถูกจัดวางอย่างเหมาะสม สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ตัวนัำกแสดงจะต้องมีอารมณ์ขัน และความสนุกสนานที่เป็นหัวใจหลักของการแสดงถึงจะเกิด

#เรื่องราวต่อจากนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญบางส่วน เราเตือนคุณแล้ว


หาข้อมูลมาได้ซักพัก กลับมาดูที่ตัวหนังกันบ้าง หนังกล่าวเด็กสาวคนหนึ่ง ชื่อว่า เอลี่ (ในซับไทยเขียนว่า อาีลี ดูแมนไปหน่อย..) (คริสตินา อากิเลรา) เข้าแอลเอมาเพื่อตามหาความฝัน ภาพของเมืองใหญ่ ตึกอาคารสูงที่เรียงราย ผ่านสายตาเราไปอย่างมากมาย จนความมืดเข้าปกคลุม สถานที่ที่จะปลุกฝันของสาวน้อยก็ตื่นขึ้น Burlesque บาร์แห่งหนึ่งที่จัดการแสดงโชว์ตระการตาทุกค่ำคืน เอลี่ได้ชมการแสดงที่สุดยอดของ เทส (แชร์) และสาวๆนักเต้นที่มีความสามารถ การแสดงจบลงด้วยความประทับใจ และ เอลี่ ตัดสินใจว่า จะต้องเป็นหนึ่งบนเวทีแห่งนี้ให้ได้ เอลี่ได้รู้จัก กับ แจ็ค (แคม จิกองเดท์) บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เขียนอายไลน์เนอร์ซะเข้มปึ้ด แจ็คแนะนำเอลี่ให้ไปคุยกะเทส แต่เทสปฏิเสธในแทบจะทันที เอลี่จึงตัดสินใจหยิบถาดเสิร์ฟ สมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟสาวของ แจ็ค แบบมัดมือชกในทันที แจ็คจุกนิดๆเหมือนกัน แต่ทำไงได้ เลยปล่อยเลยตามเลย เพื่อที่จะให้ได้เข้าใกล้ความฝันอีกนิด เอลี่ พร้อมทำทุกอย่าง เอลี่ได้รู้จักกับ มาคัส (อีริค เดน) นักธุรกิจเจ้าเสน่ห์ ที่จ้องจะหุบ Burlesque และ นิกกี้ (คริสเท็น เบลล์) นักแสดงดาวเด่น แต่ขี้เมา ขี้วีน และไม่เป็นมิตรสุดๆ


หลังจากนั้นไม่นาน ห้องของเอลี่ โดนงัด เอลี่หมดตัว เหมือนสูญสิ้นทุกอย่าง ไม่มีครอบครัว ไ่ม่มีบ้าน ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จะพึ่งใคร คนเดียวที่เอลี่พอจะเห็นความเป็นไปได้คือ แจ็ค จึงหอบข้าวหอบของไปร้องไห้หน้าบ้านแจ็คตามระเบียบ (แล้วเห้ย..ไปรู้จักที่อยู่บ้านแจ็คได้งัยเนี่ยะ) แจ็ค ยอดชายจึงให้ที่หลับที่นอน ตามฉบับนักบุญ และได้เปิดเผยว่า ตนเล่นเปียโน (เพราะนะ) และแต่งเพลงอยู่ซะด้วย ฉากแจ็คเล่นเปียโนผ่านกรอบเล็กๆ โดยที่มีเอลี่ นอนฟังและคุยด้วย อยู่ในห้อง ช่างน่ารักและโรแมนติกอะไรจะปาน แจ็คต้องพบกับเช้าที่สดใส โดยที่ เอลี่นุ่งน้อยห่มน้อย ทำอาหารเช้าให้ในครัว สีชุดของเอลี่ และลักษณะการแต่งตัว บอกได้เลยว่าเอลี่ไว้ใจ ผู้ชายคนนี้มากขนาดไหน จนกระทั่งได้รู้ว่า เค้าไม่ใช่ "เพื่อนสาว" แต่แมนเกินร้อย แถมมีคู่หมั้นแล้วอีกตะหาก นางเอกของเราทำอะไรไม่ถูก รีบใส่เสื้อผ้า ให้เต็มองค์โดยเร็ว เรื่องราวลงเอยโดยการแบ่งห้องพักกันอย่างชัดเจนของทั้งคู่



จนวันหนึ่ง เอลี่ ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือการเต้นให้ เทส เห็นประจักษ์ และอ้อนวอนจนได้งานในที่สุด เกิดเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ เอลี่ ได้กลายเป็นดาวเด่นของ Burlesque ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลานี้คือ หนึ่งการที่ Burlesque ติดจำนอง และจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก โดยที่เทสมีทางเลือกไม่มาก ถ้าหาเงินมาไม่ได้ ก็จำเป็นต้องขายให้ มาคัส สองความสัมพันธ์ระหว่างมาคัส และ เอลี่ เริ่มก่อตัวขึ้น ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของทุกฝ่าย และ สามความสับสนในความรู้สึกของ แจ็ค และ เอลี่




ตัวละครแต่ละตัวมีมิติมาก ไม่มีใครที่ดีมากจนไม่มีข้อเลว และไม่มีใครที่เลวมากจนไม่มีข้อดี เป็นหนังที่ดูได้ไม่มีเบื่อ มาคัส ไม่ใช่ตัวร้ายเค้าแค่มีความต้องการ เค้ามีภาวะทางการเงินที่สามารถทำสิ่งที่ต้องการได้ แต่เค้าก็เป็นสุภาพบุรุษ และยอมรับการตัดสินใจของ เอลี่ โดยไม่ได้บีบบังคับแต่อย่างใด ส่วน นิคกี้ เธอแค่เป็นตัวของตัวเอง แต่เธอรักที่จะเต้น ต้องการอยู่บนเวที และพร้อมที่จะขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไป โอกาสมีสำหรับคนที่พร้อมจะรับโอกาสเสมอ



เรามาพูดถึงการร้องเพลงในหนังเรื่องนี้กันบ้าง ตอนที่เพลงแรกเปิดตัวเทสจบลง เราอดไม่ได้ที่จะปรบมือ ไปกับการแสดง ไม่ใช่แค่การแสดงแรกการแสดงอื่นๆก็ด้วย ทุกการแสดงมีการเล่าเรื่องผ่านตัวละคร ผ่านเนื้อร้องของเพลง เหมือนกำลังฟังนิทานอยู่ก็ไม่ปาน สร้างความบันเิทิงแถมยังสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดูอีกด้วย (เช่นเพลงของหมอฟัน ลอง จอห์น ^^) อีกฉากที่น่าประทับใจคือตอนที่ เทส ร้องเพลงซ้อมเดี่ยว ด้วยความเหนื่อย ความเศร้า ที่ออกมาจากเหตุการณ์ที่ต้องไปเผชิญมาทั้งวัน หนังได้จัดเต็มเพลงนี้มาทั้งเพลง แต่ไม่มีช่วงไหนเลยที่ไม่น่าฟัง แสงไฟสาดมาข้างหน้าของเทส สองขา สองแขน กางออกด้วยความพร้อมที่จะเผชิญ กับอุปสรรคไม่ว่าใดๆ เทสรู้ดีว่าเธอจะต้องผ่านพ้นมันไปได้



รวมไปถึงฉากร้องเพลงครั้งแรกของ เอลี่ คริสติน่า ทำได้สุดยอดมาก เป็นอะไรที่ไม่นึกฝันว่าเด็กสาวตัวแค่นี้จะมีพลังความสามารถมากมาย ล้นทะลักแบบไม่มีที่สิ้นสุดต้องยกย่องจริงๆ และเพลงสุดท้ายของหนัง ที่เป็นการประกาศศักดาการจบลงของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ทุกคนมีชีวิตที่จะต้องก้าวทะยานต่อไป ขอเพียงแค่เราไม่ยอมแพ้ ความสำเร็จอยู่ไม่ใกล ไม่มีเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จอีกแล้ว เธอจะไม่ได้ฟังมันหรอกนะ แต่เธอจะได้ร้องมัน!! ตะโกนให้สุดเสียงเลยนะ!!

gqwagon

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

up in the air (review)

up in the air

หนุ่มโสด หัวใจโดดเดี่ยว แหม่ะใครมันช่างคิดชื่อไทย ได้่น่ารักน่าชัง ^^ แน่นอนว่าคงจะดีกว่าชื่อ "สูงขึ้นไปในอากาศ" (น่าน..ตรงตัวเป๊ะ) โจทย์ของเรื่องมีอยู่ "คนเราอยู่คนเดียว ได้จริงหรือ" บนโลกมนุษย์ปถุชน ตั้งแต่อดัมกะอีฟเกิดมาเนี่ยะ เค้ามีความสุขที่สุดตอนที่อยู่คนเดียว หรือว่าอยู่กับใครล่ะ เป็นหนึ่งในคำถามที่นายไรอัน บิงแฮม ถามกับน้องเขยที่กลัวการแต่งงาน ซึ่งด้วยการคุยกันในแบบนั้นเอง ทำให้เกิดความสงสัย ในคำถามเดียวกันนั้นเอง ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น...


#เนื้อหาเปิดเผยส่วนที่สำคัญของหนังบางส่วน

หนังบอกเล่าอาชีพการงานที่ ค่อนข้างจะไม่เหมือนใคร ของพระเอก โดยการนำเอาผู้คนที่เค้าจำเป็นต้องสื่อสารด้วยมาแสดงความรู้สึก หลังจากได้รับรู้ข่าวสารบางอย่างจากพระเอก อ้อ...เค้าชื่อว่า ไรอัน บิงแฮม (จอร์จ คลูนี่ย์) และเฉลยในที่สุดว่างานของเค้า คือ การบอกพนักงานที่ถูกเลย์ออฟว่า คุณถูกไล่ออก! อย่างมีชั้นเชิงให้เค้าดำเนินชีวิตต่อ แต่ไม่ได้ปลอบใจแม้แต่ประการใด เป็นอาชีพที่ต้องอาศัย ความอดทน หนักแน่น และทักษะการพูดที่ดี ไรอันเป็นมือดีที่สุดของบริษัทก็ว่าได้ ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดเวลา การไม่มีครอบครัว ไม่อะไรที่ต้องผูกมัด ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากการเดินทางที่สนุกสนานสำหรับบิงแฮม การนั่งรอขึ้นเครื่องในเกต นับเป็นสถานที่ประจำสำหรับนักเดินทางของเรา เค้าได้พบกับ อเล็กซ์ ( เวร่า ฟาร์มิก้า ) สาวสวย ที่มีชีวิตยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเดินทางเหมือนกัน เมื่อความเห็นตรงกันความสัมพันธ์จึงก่อตัวขึ้น แต่ไร้การผูกมัดใดๆ เค้าจะเจอกันเมื่อหาเวลา และสถานที่ ที่ว่างตรงกันได้เท่านั้น

การเข้ามาที่บริษัทของพนักงานใหม่ ผู้เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ นาตาลี ( แอนนา เคนดริก ) มาพร้อมกับแนวความคิดใหม่ในการทำงาน ซึ่งอาจจะต้องทำให้การเดินทาง ของไรอัน สิ้นสุดลง พระเอกของเราไม่ยอมรับแนวความคิดนี้เด็ดขาด พยายามต่อต้านแบบหัวชนฝา ในที่สุดเค้าจึงต้องจำใจ รับสาวน้อยผู้นี้ มาเรียนรู้งานกับตน ด้วยความไม่เคยชินกับการเดินทางบ่อย ไรอัน จึงได้มีโอกาสมากมายที่จะสอน นาตาลี หญิงสาวที่มีความคิดเห็นต่างกับไรอัน ในด้านการใช้ชีวิตอย่างสิ้นเชิง การที่นาตาลีทิ้งโอกาสในการทำงานกับบริษัทใหญ่ในเมือง เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนชาย ที่เธอคิดว่าเพอร์เฟ็คที่สุดสำหรับเธอ เมื่อเธอได้รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่าง ไรอัน และ อเล็กซ์ เธอยิ่งไม่เข้าใจในความคิดของพวกเค้าเลย แนวความคิดของนาตาลี ไ้ด้รับการยอมรับในที่สุด


ไรอันได้กลับบ้าน บ้านของเค้าว่างเปล่า ผนังที่ไร้ซึ่งการตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นสีขาว ที่วางให้เห็นอยู่ทั่วในห้องของไรอัน แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าเค้าไม่เคยได้เข้ามาในนี้นานเค่ไหน การวางแปรงสีฟันลงในแก้ว การเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของคนบนพื้นดิน (จะพูดแบบนี้ก็ไม่แปลก ก็ปรกติไรอันอยู่บนฟ้านี่!) ในขณะเดียวกัน ไรอันที่ตัดขาด ความสัมพันธ์ กับครอบครัวมานาน ก็ต้องการที่จะเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับน้องสาวที่กำลังจะแต่งงาน เค้าพาอเล็กซ์ มาในงานครอบครัวครั้งนี้ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า ไรอัน คงจะตกหลุมรักเป็นแน่แล้ว แต่คงไม่ใช่กับอเล็กซ์ สังเกตสีหน้าแสดงความตกใจของไรอัน ตอนที่พี่สาวถามว่า "พวกเธอคบกันอยู่หรอ" อเล็กซ์ ตอบว่า "เราไม่ได้คบกัน" อย่างเต็มปากเต็มคำ การจัดงานดำเนินต่อไป พวกเค้ามีความสุข เมื่อมีกันและกัน จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของไรอัน เกิดอาการกลัวอนาคตขึ้นมา และมีทีท่าว่าจะไม่ยอมแต่งงาน พี่สาวของไรอันรู้ว่า น้องชายทำงานเกี่ยวกับการพูดจึงได้ขอร้องให้ช่วย โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ไรอันถนัด คือ การบอกให้ผู้อื่นไม่สร้างความสัมพันธ์...



เรื่องราวจบลงไปตามความเป็นจริง ตามชีวิตจริง ที่คนเราอาจจะได้ประสบพบเจอ ไม่ใ่ช่ว่าไรอันโชคร้าย เค้าอาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในสายตาของใครหลายคน เค้าเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก ชายหนุ่มผู้ไม่เคยไขประตูห้องได้ในครั้งแรก เค้าเป็นชายหนุ่มผู้หลงทาง หลงทางในที่นี้คือ การไม่มีจุดหมาย การเดินทางไม่เจอคำว่าสิ้นสุด แต่หลังจากนี้ ชีวิตของไรอันแม้ว่าเค้าต้องเดินทางไปอีกไกล แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า เค้าได้เจอจุดหมายแ้ล้วล่ะ ปรัชญาเท่ห์ๆ ของผู้ชายกระเป๋าว่างเปล่า ตอนนี้กระเป๋าไรอันคงไม่เปล่าอีกต่อไปแล้ว

เรื่องนี้ประทับใจฉากคู่แต่งงานที่บาร์ตอนที่ไรอันถามว่า ทำไมถึงให้ทุกคนถ่ายภาพจากสถานที่เหล่านั้นส่งมาให้ "อะไรดลใจให้พวกนายทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่" เพราะว่าพวกเค้าไม่มีเงินพอที่จะไปฮันนีมูน พวกเค้าตอบว่าถึง "ถึงพวกเราจะไปเที่ยวไม่ได้ แต่ก็ยังมีรูปได้" เป็นความคิดที่วิเศษไปเลย นอกจากนั้น อเล็กซ์ และ นาตาลี มีมิติมาก อเล็กซ์ สวยมากด้วยไวขนาดนี้ และเป็นคนที่ไม่น่าเบื่อเลย นาตาลี ดูว่องไว และฉลาดเป็นกรด แต่ก็ดูไร้เดียงสา มองความสัมพันธ์เป็นสิ่งสวยงาม เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป

ฉากประทับใจอีกฉาก

กัปตัน : คุณมาจากไหนล่ะ
ไรอัน  : ไม่รู้สิครับ ผมอยู่บนนี้ 

ได้ยินข่าวหนังเรื่องนี้มามากมาย ได้รู้ว่าเป็นหนังที่เข้าชิงออสการ์ถึง ห้า สาขา หก รางวัล เพราะสาขานักแสดงสมทบ เข้าชิงทั้ง นาตาลี และ อเล็กซ์ เลย ตอนแรกก็เอ๊ะ จะค่อนข้างน่าเบื่อหรือเปล่า ก็หนังรางวัลนี่ แต่ไม่ใช่เลย การเดินเรื่อง เรียบเรียง ฉับไว บทพูดสื่อสารเข้าใจง่าย นักแสดงยอดเยี่ยม สมควรแล้วล่ะถ้าจะได้รางวัลซักหนึ่งหรือสองรางวัล เนื่องจากปีที่แล้วหนังดีๆเยอะเหลือเกิน ดูแทบไม่ไหว ^^ สุดท้ายก็ดูหนังกันให้สนุกนะคะ อย่าโหลดมากเด๋วคนทำหนังจะเสียใจ วันใดไม่มีหนังดีดู วันนั้นคงเป็นวันโลกาพินาศเป็นแน่ ฮ่าๆๆๆ

gqwagon

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

สุดเขต เสลดเป็น (review)

สุดเขต เสลดเป็ด


สุดเขต เสลดเป็ด - หนังไทยที่ปัจจุบันทำเงินได้ถึงร้อยล้านไม่ดีจริง เชื่อว่าคนไทยคงไม่เห่อตามกระแสไปดูกันแบบบ้าบอ ส่วนตัวไม่ได้ดู 32 ธันวา แบบจริงๆจังๆ แต่ก็มีพล็อตเรื่องที่แปลกน่าสนใจ พอมาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา สีสันของโปสเตอร์ ตัวอักษรที่ใช้ มันใ้ห้อารมณ์ 32 ธันวามากๆ บ่งบอกเป็นอย่างยิ่งว่าผู้กำกับคนเดียวกันชัวร์ ฮ่าๆๆ ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้หลังจากที่มีกระแสถาโถมมาเป็นระยะๆ เพื่อนที่มหาลัยเริ่มเล่นมุขในหนังเรื่องนี้กันอย่างบ้าระห่ำ เราก็แบบ เออ..ลองไปดูหน่อยก็ดีวะ (ขอโทษนะคะถ้าไม่สุภาพ)












#เนื้อหามีการสปอยมากน้อยถึงปานกลาง ไม่อยากอ่านรบกวนผ่าน...


เรื่องมันเริ่มต้น จากนายพระเอกของเรา (พี่เป้) สุดเขต แน่นอนว่านี่มันไปเป็นชื่อเรื่องนั่นเอง แล้วมันก็สุดเขตตามชื่อของมัน โดยมีสโลแกนที่ว่า "ผมไม่ได้แปลก แต่คุณแค่ยังไม่ชิน" ไม่ทำตามใคร ทำตามแต่ใจตัวเอง ดูมีคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดมากกก ซึ่งนายนี่ก็ได้มาออดิชั่น เพื่อที่จะเป็นนักร้องในค่าย ค่ายหนึ่ง ซึ่งประจวบเหมาะกับที่นางเอกของเรา (ยิปซี) มะยม กับเพื่อนสาวเกิร์ลกรุ๊ปของเธอ มาสมัครเต้นเป็นแดนเซอร์ให้กับคู่ดูโอดังของค่าย ทำให้พระเอกกับนางเอกของเราได้ป๊ะ(เจอ)กัน โดยที่ สุดเขต ตกหลุมรักมะยม ตั้งแต่แรกพบ และเริ่มวิธีการจีบในแบบฉบับของตัวเอง (ซึ่งถ้าไม่ใช่หน้าแบบพี่เป้คงทำไม่ได้) นางเอกของเรางงงวยไปในการพบกันครั้งแรก ตัวนางเอกมีคาร์แรคเตอร์ แบบที่เป็นผู้หญิงธรรมด๊า ธรรมดา.. แบบปธุชนทั่วไป ที่ถ้ามาเจอผู้ชายที่จีบในลักษณะนี้ แน่นอนว่าต้องงง งงเป็นที่สุด และมีการตอบโต้ที่ไม่ได้จัดว่ากวนตีนอะไร ถ้าเทียบกับคาร์แรคเตอร์ที่เด่นชัดของเพื่อนๆ เธอที่เหลือในกลุ่ม อีกสามคน หนึ่งในสาม จัดอยู่ในประเภทที่สวยมากกก แต่ไม่มีใครกล้าจีบ อีกหนึ่ง สวยน้อยมากกก จนไม่มีใครจีบอีกเหมือนกัน ส่วนนางสุดท้าย บอกตามตรงว่าจำหน้าได้ยาก เพราะกลืนไปกะฉากบ่อยๆ หลังจากนั้น สุดเขต ก็ตามจีบด้วยวิธีการแปลกๆเรื่อยมา แต่เค้าบอกว่าทั้งหมด สามครั้งที่จีบนางเอก ปัจจุบันยังงงๆว่า เอ๊ะ..เอ็งนับยังไง นับจากวันไหน เอาเป็นว่า เมื่อพระเอกของเรามีท่าไม่สมหวังจึงถอดใจ ไปแว๊นนนน......... (ที่เหลือไปดูต่อกันเองนะคะ เด๋วจะหาว่าสปอยด์หมด)




แต่ละมุขจดจำได้ง่ายเป็นเอกลักษณ์ แต่้ถ้าไม่ใช่พี่เป้ ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้จริงรึป่าวนะ ตอนสุดท้ายพยายามเพิ่มฉากความสัมพันธ์ ของพระนาง ซึ่งถ้าดูประมวลเนื้อหาทั้งหมดแล้ว จะรู้ว่าเรื่องมันโหวงๆนะที่อยู่ๆจะรักคนที่แทบไม่รู้จักกันเลย เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าเค้าสร้างความประทับใจให้คุณได้ขนาดเนี๊ยะ ฉากท้ายๆจึงจัดหวานเอาใจแฟนๆซะหน่อย เพราะยังไม่ค่อยได้มีช่วงที่รักกัน ฉากของโทนี่กะตุ๊กกี้สุดยอดมาก ได้ดูแล้วอึ้งกันไปทั้งโรง พากันหายใจติดขัด ฮ่าๆๆ การผูกเรื่องให้มีปมระหว่างเจ้าของบริษัทและพ่อพระเอก ก็ทำให้เรื่องดำเนินไปได้แบบซึ้งๆ (รึป่าว?) จุดหมายของเรื่องนี้เป็นของพระเอกคนเดียวเลย มีอยู่สองอย่างคือ หนึ่งเื่พื่อจะได้เป็นนักร้องอินดี้อย่างที่ฝัน และสองคือเอาชนะใจนางเอก ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง


ตีความจากความหมายของคำว่า "สุดเขต เสลดเป็ด" ในมุมมองส่วนตัว สุดเขต อาจจะหมายถึงการทำอะไรอย่างเต็มที่เต็มกำลังด้วยตัวของตัวเอง แม้ว่ามันจะออกนอกกรอบ แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน ส่วนเสลดเป็ด คงเป็นความหลากหลาย เพราะ เป็ด จากเพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์มันบอกว่า เป็นสัตว์ที่ทำได้หลายอย่างแต่ไม่มีสักอย่าง เสลดเป็ด น่าจะเป็น ความกากที่หลากหลาย (เฮ้อ..แปลอะไรเนี่ยะ) ถ้าไม่เข้าใจว่ากากแปลว่าอะไร ลองดู วีรบุรุษนักบิด โตโต้ อันเด้อ และอื่นๆ ซึ่งอยากจะบอกให้โลกรู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีความกากอยู่ในตัว (ว่าไปนั่น..) โดยรวม มีการนำเสนอที่ดี มีมุขที่โดน รวมไปถึงนักแสดงที่เล่นทุกคนมีความสามารถ ส่งรับมุขกันมันส์หยด ถ้าดูในโรงแล้วไม่ขำให้มาเอาตังค์ที่เจ้าของบล็อคเลย ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะ ที่ขาดไม่ได้ คือ "ยามถั่วต้ม" มันเป็นอะไรที่สุดยอด จอร์จมากกกกกก!!!!!!!!


gqwagon

Legend of the Guardians : The Owls of Ga'Hoole (review)

















Legend of the Guardians : The Owls of Ga'Hoole


หรือ ชื่อไทย
มหาตำนานวีรบุรุษองครักษ์ นกฮูกผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล เชื่อว่าต้องเป็นหนึ่งหนังแอนิเมชั่นสามมิติในดวงใจใครหลายๆคนในปีที่แล้วแน่นอน ถ้ายังไม่ได้ไปดู แนะนำเลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง ยิ่งถ้าดูเป็นแบบสามมิติด้วยแล้ว จากฝีมือผู้กำกับ 300 นำทีมนกฮูกที่ขนนุ่มน่ากอดน่าฟัดเป็นที่สุด และเนื้อหาที่น่าติดตาม แบบไม่คิดมาก่อนว่า นกจะสู้กันมันสุดติ่งขนาดนี้


Legend of the Guardians เริ่มเรื่องด้วย ครอบครัวนกฮูกที่ลูกนกฮูก ทั้งหมดสามตัว เป็นตัวผู้สอง และ น้องเล็ก ซึ่งน่าจะเป็นตัวเมียอีกหนึ่งตัว ตัวเอกของเราเป็นนกฮูกตัวที่สองชื่อว่า
ซอเรน มีความฝัน และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผู้พิทักษ์ ที่เอาชนะกับเจ้านกฮูกตัวใหญ่สีดำจอมชั่วร้าย หึ หึ หลังจากนั้นนกฮูกพี่ใหญ่ และนกฮูกพระเอกของเรา ทั้งสองก็ได้ถูกจับกุมไปโดยเหล่านกฮูกอันธพาล ซึ่งความจริงแล้วจอมบงการสูงสุดก็คือ เจ้านกฮูกสีดำจอมชั่วร้ายนั่นเอง นกฮูกพี่ชายที่อิจฉาในความสามารถและความเบิกบานของซอเรน ก็กลับไปเข้าข้างเจ้าอันธพาลนี่อีก เนื่องจากรางวัลที่ล่อตาล่อใจ และความยิ่งใหญ่ที่จะได้รับมา แต่พระเอกของเรา แน่นอนว่าไม่ยอมตกเป็น ทาส แน่นอนจึงได้เจอกับนกฮูกผ้เฒ่าที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าของพวกอันธพาล แต่ความจริงแล้วเป็นนกฮูกดี ที่มองหาคนที่จะสู้เพื่อตัวเองอยู่ จึงนำ ซอเรน และเพื่อนนกฮูกตัวเล็กมาฝึกฝน จนกระทั่งซอเรนและเพื่อนหนีออกมาได้ และสูญเสียนกฮูกชราซึ่งเป็นอาจารย์ไปในที่สุด หลังจากที่ ซอเรน สามารถกลับบ้าน พบว่าพี่ชายขี้อิจฉา (ที่บัดนี้เข้าร่วมกับพวกอันธพาล) ได้จับตัวน้องเล็กของตนไปแล้ว ด้วยความเสียใจ แต่ด้วยพละกำลังของตนในตอนนี้ ซอเรน รู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะ เหล่านกฮูกที่ชั่วร้ายได้ เค้าทำได้เพียงทางเดียวคือ ตามหานกฮูกผู้พิทักษ์ในตำนาน แม้จะเป็นแค่ความฝันและความเชื่อมาตลอดก็ตาม การมุ่งหน้าตามหาจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยความช่วยเหลือ ทั้งหลายทั้งแหล่ ของสหายระหว่างทาง เกาะของผู้พิทักษ์จึงไม่ใช่แค่ความฝัน และการช่วยเหลือ นกฮูกทั้งหลายก็เริ่มต้นขึ้น (อยากทราบบทสรุปคงต้องไปดูกันเอาเองนะคะ)

นกฮูกตัวน้องสุดท้องออกมาตั้งแต่ฉากแรกน่ารักมาก ยิ่งเป็นภาพสามมิติ ทำให้ได้อารมณ์ของนกที่ขนยุ่งและฟูอย่างที่สุด ซอเรนซึ่งดูเป็นนกที่ให้อารมณ์ความเป็นพระเอก ความร่าเริง และแม้ว่าจะเป็นตอนที่ซอเรนเสียใจ ก็ทำออกมาได้ดูจริงจัง และเชื่อว่าถ้าเป็นนกฮูกจริงๆถ้ามันเสียใจมันคงทำถ้าแบบนั้น ตัวนกฮูกตัวพี่ที่มีลักษณะบ่งบอกมาตั้งแต่แรกว่าเป็นตัวร้ายชัวร์ แต่คิดว่าในที่สุดก็คงจะกลับตัวได้ แต่ก็ได้วางปมไว้ว่า ถ้าเกิดมีภาคต่อก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนตัวแล้วไม่เคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้มาก่อนจึงไม่ทราบว่ามีภาคต่อหรือเปล่า แต่ถ้ามีเราคนหนึ่งล่ะที่จะต้องไปดูให้ได้ รวมไปถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นฮีโร่คือการสูญเสียอาจารย์ที่สอนสิ่งสำคัญที่สุด เหมือนอย่างแฮรี่ที่ต้องเสีย ดับเบิ้ลดอว์ หรือ แบบฉบับหนังเรื่องอื่นๆ ที่กว่าพระเอกจะเก่งกาจได้ จำเป็นจะต้องสูญเสียผู้ที่สอนสั่งมา เรื่องหมู่เกาะของนกฮูกผู้พิทักษ์ที่มีความสวยงาม และสร้างนกฮูกราชา และราชินีได้มีพลังมากๆ รวมไปถึงนกฮูกแก่ตัวเล็กที่เคยเป็นผู้พิทักษ์ในตำนานมาก่อน แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ว่าถึงแม้จะเป็นวีรบุรุษในตอนสุดท้าย แต่ก็ต้องแลกมาซึ่งหลายสิ่งหลายอย่าง และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การที่ขอให้ทุกคนเชื่อในฝัน แม้ว่าจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าเรามีความเชื่อและความมุ่งมั่น ไม่ว่าใครก็สามารถทำสิ่งที่ฝันให้เป็นจริงได้

เพลงซาวแทร็คก็เหมาะ และเพราะมาก ที่ชอบที่สุดตรงที่ชื่อวง เป็นชื่อวงเกี่ยวกับนกฮูก เหมือนหนัง! วง owl city ชื่อเพลง take to the sky ลองไปหาฟังกันดูนะคะ เพลงอื่นๆในหนังก็เพราะเหมือนกัน เป็นเพลงที่เป็นตีมเปิดเรื่อง ดูยิ่งใหญ่เหมาะกับหนังสมกับเป็นหนังที่เกี่ยวกับตำนาน ตอนจบเป็นรายชื่อของทีมกำกับ และทีมสร้างต่างๆ เป็นเรื่องราวของหนังแบบสองมิติ ด้วยลายเส้นแบบง่ายๆ และการรวบรัดเล่าตำนานที่เพิ่งผ่านตามา สร้างความประทับใจในขณะที่ยังจดจำตัวหนังได้เป็นอย่างดี เ็ป็นแอนิเมชั่นแห่งปี 2010 เลยทีเดียว




gqwagon




วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ขาย Fearless -Taylor Swift [Thailand Limited Edition]

ประเดิมอัพบล๊อค ก็ขายของซะละ เฮ่อ~~ ^^ ยังไงก็ฝากด้วยนะจ๊ะ

- ขาย ซีดีเพลง อัลบั้ม Fearless ของ Taylor Swift ค่ะ

เป็น Thailand limited edition ที่แถมสมุดฉีกรูปหน้าปกอัลบั้ม

ยังไม่ได้แกะพลาสติกห่อเลยค่ะ

ขายราคา 230 บาทค่ะ

ค่าส่ง 30 บาทค่ะ หรือ นัดรับของแถวสยามได้ค่ะ


- ขาย ซีรีย์ เกาหลี เรื่อง Witch Yoo Hee ค่ะ v2d 4 แผ่น เป็นแผ่น printable สามารถนำไปสกรีนได้ค่ะ
ราคา 80 บาท

- ขาย ซีรีย์ ไต้หวัน เรื่อง Silence ที่ vic f4 เล่นนะคะ เป็น v2d 4 แผ่น เป็น printable สามารถนำไปสกรีนได้ค่ะ
ราคา 80 บาท

- รับสั่ง ซีดีเพลง แผ่นแท้ ของศิลปินเกาหลี ลิขสิทธิ์ไทย ราคาถูก ลองสอบถามได้ค่ะ เช่น
จากปก 399 บาท ขายให้ในราคา 359 บาท

- ติดต่อผ่าน blog นี้ หรือ สอบถามมาทางเมล์
i_rokjiz@hotmail.com ก็ได้ค่ะ

ติดต่อ แตงกวา นะคะ